วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2562

วิธีทำให้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอ พร้อมใช้งาน



เมื่อโปรเจคของเราถูกตัดต่อ ใส่เพลง ใส่ตัวหนังสือเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาทำให้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอกันแล้ว เราจำต้องกำหนดช่วงเวลาของวิดีโอใหม่ก่อนว่า เราจะให้วิดีโอ ออกมากี่นาที กี่วินาที ตามที่ตั้งใจเอาไว้ โดยลากแถบลูกศรสีเหลือง (Loop Region) ด้านบน Track ให้ครอบคลุมวิดีโอที่ตัดมาทั้งหมด








จากนั้น เลือกที่ File > Render As…

หากกดไม่ได้ ให้กดเซฟงาน 1 ครั้งก่อน


ตั้งชื่อไฟล์วิดีโอ ในช่อง Name.mp4 โดยแก้แค่ Name เหลือ .mp4 เอาไว้ จากนั้นกด Browse ไปที่ตำแหน่งที่เราจำเก็บวิดีโอเอาไว้ แล้วกด Select Folder จากนั้นดูในส่วนของ Output Format ให้กดเข้าไปในส่วนของ Main Concept AVC/ACC (*.mp4;*.avc) แล้วเลือก Internet HD 720p ตามภาพประกอบ





จากนั้นก็กด Render ได้เลย แล้วก็รอให้โปรแกรมทำให้เสร็จ 100% ยิ่งคลิปนานก็ต้องใช้เวลาทำนานเช่นกัน หากคอมแรงก็จะเสร็จไวขึ้นในระดับนึงเลย





TIP : เมื่อเสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งปิดโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ ลองไปเช็ควิดีโอที่ทำก่อน เผื่อว่ามีตรงไหนพิมพ์ข้อความผิด ก็แก้แล้วก็ Render ไฟล์ใหม่อีกครั้งนึง หรือจนกว่างานจะออกมาดี






ที่มา : https://www.men9ch.com/media/sony-vegas-edit/#start

วิธีใช้เอฟเฟคเพิ่มความเร็ว หรือลดความเร็วของวิดีโอ



โปรแกรม Sony Vegas Pro นั้น สามารถปรับเร่งความเร็ว หรือลดความเร็ว ของวิดีโอได้สูงสุดเพียง 3 เท่า โดยเราสามารถกดเร่งหรือลด ได้ง่ายๆโดยการกด Ctrl ค้างไว้ จากนั้นคลิกซ้ายที่ขอบด้านขวาของวิดีโอ แล้วลากไปทางซ้าย เพื่อเร่งความเร็ว หรือ ลากไปทางขวา เพื่อลดความเร็วของวิดีโอได้ง่ายๆ โดยเมื่อเราเร่งความเร็วของวิดีโอ ก็จะทำให้ขนาดเล็กลง เพราะใช้เวลาในการดูน้อยลง ส่วนลดความเร็ว ก็จะยาวขึ้น เพราะต้องใช้เวลาในการดูมากขึ้น









ที่มา :https://www.men9ch.com/media/sony-vegas-edit/#start

วิธีใส่เพลงประกอบ หรือ Sound Effect ลงไปในวิดีโอ



วิธีใส่ก็จะคล้ายๆกับการใส่ตัวหนังสือลงไป แต่ด้วยความที่เสียงนั้นเป็นแค่เสียง ไม่จำเป็นจะต้องมีตำแหน่ง บน หรือล่าง มันสามารถอยู่ Layer ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ Layer เดียวกัน


เราก็ต้องสร้าง Layer ของเสียงขึ้นมาก่อน โดยใช้วิธีเดียวกับการสร้าง Layer ของวิดีโอ แต่เปลี่ยนเป็น Audio Track แทน (คีย์ลัดคือ Ctrl+Q)


ตัว Audio Track นั้นจะอยู่ด้านล่าง แต่ก็อย่างที่บอกว่า มันไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่บนหรือล่างของ Layer ฉะนั้นก็ใส่เพลงเข้าไปได้เลย โดยเลือกตำแหน่งใส่ เหมือนกับวิธีใส่ตัวหนังสือ ที่สอนไปด้านบน หากเพลงยาวเกินไป ก็ใช้วิธีตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกแล้วลบได้เลย เหมือนวิธีตัดวิดีโอ ที่สอนไปในด้านบน









ที่มา : https://www.men9ch.com/media/sony-vegas-edit/#start


ส่วนระดับเสียงของเพลงประกอบ กับ เสียงจากวิดีโอนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ตัดต่อ ว่าอยากจะให้อะไรดังกว่ากัน ต้องเลือกปรับระดับเสียงตามความเหมาะสมเอาเองนะ

การลดเสียงวิดีโอ



การารลดเสียงวิดีโอนั้น ใช้ในกรณีที่เสียงในช่วงเวลานั้นๆอาจจะดังเกินไป หรือจะลดเสียงเพื่อใส่เพลงประกอบเป็นต้น เราจะต้องทำการตัดช่วงเวลาที่ต้องการลดเสียงออกเป็น 1 ช่อง แล้วไม่ต้องลบออก ให้ดูในส่วนของคลื่นเสียง เราจะเห็นขีดสีน้ำเงินอยู่ตรงกลาง นั่นคือจุดปรับเสียง ให้คลิกซ้ายค้าง จากนั้นลากลง ตามที่ต้องการ โดยถ้าลากลงไปข้างล่างสุด หมายถึงเสียงจะหายไปเลย









ที่มา:https://www.men9ch.com/media/sony-vegas-edit

การใช้ Layer



Layer นั้น อธิบายอย่างง่ายๆ ก็คือระดับชั้น เหมือนเรามองกระดาษ 1 แผ่น มองเห็นหมดทั้งแผ่น นั่นคือ Layer 1 พอมีแผ่นที่ 2 มาวางซ้อน ก็หมายถึง Layer 2 ทำให้เราไม่สามารถกระดาษแผ่นที่ 1 ได้ เพราะว่ามีชั้น 2 บังอยู่ คิดแบบง่ายๆเพียงเท่านี้ มันจะมีผลต่อการแสดงภาพบนหน้าจอ โดยจะให้ความสำคัญกับ Layer ใหม่ มากกว่า เพราะอยู่ด้านบน


การสร้าง Layer ทำได้โดยการคลิกขวาที่ช่องว่างด้านซ้าย เลือก Insert Video Track หรือกด Ctrl+Shift+Q

เราจะพูดถึงการเพิ่ม Layer ของวิดีโอก่อน





เท่านี้ Layer ใหม่ก็จะขึ้นมาแล้ว โดยให้จำเสมอว่า Layer ด้านบนคืออยู่สูงกว่าเสมอ





การตัดต่อ มืออาชีพส่วนนึง มักจะใช้ Layer 1 และ 2 ในการวางการตัดต่อวิดีโอ ให้ดูเข้าใจง่ายๆ ว่านี่คือส่วนที่เรานำมาต่อกัน เพื่อให้มองง่ายขึ้นอีกด้วย









ที่มา : https://www.men9ch.com/media/sony-vegas-edit

วิธีตัด และต่อวิดีโอ เข้าด้วยกัน



ก่อนอื่น จะต้องนำไฟล์วิดีโอที่ต้องการจะตัดต่อนั้น เอามาวางใน Project Media ก่อน โดยลากมาใส่ในช่องว่างตามภาพนี้เลย หากไม่เห็นช่องแบบนี้ ให้กดที่ Project Media ด้านซ้ายก่อน ถึงจะเห็น





เมื่อนำไฟล์ วิดีโอ เข้ามาแล้ว ให้คลิกลากไฟล์จากในช่อง ลงไปที่ช่องด้านล่างของโปรแกรม ให้ชิดซ้ายสุดไปเลย





หากมีถามว่า Do you want to set you project video settings to match this media? ให้กดคลิก Yes ไปเลย ตัวโปรแกรมจะทำการปรับค่าต่างๆให้เหมาะสมกับวิดีโอที่นำมาตัดเอง


เมื่อไฟล์วิดีโอถูกใส่เข้ามาที่ช่องตัดต่อแล้ว เราก็มาเริ่มตัดต่อกันเลย





สิ่งที่เราต้องคอยสังเกตุจะมี จุดแสดงวิดีโอที่เรานำมาตัด ที่ด้านบน และ ช่อง Video & Audio Track ด้านล่าง เวลา Video & Audio Track มีการทำอะไรไป ภาพแสดงด้านบนก็จะแสดงตามที่เราตัดหมด เพียงแต่เวลาแสดงผล บางทีอาจจะไม่ชัด เพราะว่ามันเป็นแค่การแสดงภาพรวมเฉยๆ แต่พอทำออกมาเป็นวิดีโอแล้วก็จะชัดปกติดี


กรณีวิดีโอมีระยะเวลาสั้นมาก จะทำให้ตัดต่อยาก เราจะต้องขยายแถบด้านล่างของ Track ให้ขยายตัววิดีโอให้กว้างขึ้น โดยคลิกจุดตามภาพตัวอย่างด้านล่าง แล้วลากไปทางซ้าย เท่านี้ตรง Track ก็จะเหมือนเป็นการซูมไปช่วงวินาทีนั้นๆ และสามารถเลือกตัดให้ง่ายยิ่งขึ้นแล้ว








เริ่มการตัด โดยการคลิกที่ Video Track ตรงจุดที่ใกล้จุดที่อยากจะตัดแล้ว หากเบี้ยวซ้ายขวา ไม่กี่วินาที ก็สามารถเลื่อนได้โดยใช้ปุ่ม ← หรือ → บนคีย์บอร์ด เลื่อนได้ โดยการกด 1 ครั้ง จะเท่ากับการเลื่อนแค่เพียง 1 เฟรมเท่านั้น ก็ค่อยๆกดเลื่อนไปยังจุดที่จะตัดแน่นอนแล้ว จากนั้นกดคีย์ลัดปุ่ม S หรือคลิกที่เครื่องมือ Split ด้านล่าง





เท่านี้ จุดที่เส้นสีขาวไปอยู่ ก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้ว





จากนั้นก็เพียงแค่ลบวิดีโอที่แบ่งออก ส่วนที่ไม่ต้องการออกไป โดยกดคลิกที่ส่วนนั้น แล้วกดปุ่ม Del บนคีย์บอร์ด หรือคลิกขวาแล้วเลือก Delete เพื่อลบส่วนที่ไม่ต้องการทิ้งได้เลย





เมื่อเหลือส่วนที่จะใช้ต่อแล้ว กรณีลบด้านหน้าของวิดีโอออกไป ส่วนที่ต้องการใช้ จะอยู่กลางทาง อย่างในภาพ จะอยู่ในช่วงเวลา 01:24;02 หมายความว่า ภาพนี้จะแสดงขึ้นเมื่อ เล่นวิดีโอไปถึงนาทีที่ 01:24 นั่นเอง ด้านหน้าที่ไม่มีอะไรเลย วิดีโอก็จะแสดงภาพดำๆแทน เพราะฉะนั้น เราจะต้องลากส่วนนั้นไปทางซ้ายสุดที่ 00:00;00 เพื่อให้ภาพขึ้นทันทีเมื่อเล่นวิดีโอ





เวลาตัดต่อวิดีโอ ก็จะหลักการคล้ายกันคือ เพียงแค่เลือกจุดที่อยากจะเอามาแสดง มาต่อๆกันเท่านั้นเองครับ ต้องดูดีๆ หากมีช่องว่าง วิดีโอก็จะมีช่วงเวลาที่จอดำครับ ฉะนั้นต้องวางต่อกันให้ชิดกันไปเลย













ที่มา : https://www.men9ch.com/media/sony-vegas-edit

ข้อควรระวัง



สิ่งที่ต้องทำก่อนอย่างแรก คือโปรแกรม Sony Vegas นั้นแรกเริ่มของโปรแกรมจะตั้งค่าให้ใช้ RAM ของคอมพิวเตอร์น้อยมาก เพียงแค่ 200MB เท่านั้น หากไม่ทำการแก้ไขตรงนี้ก่อนใช้งาน อาจจะทำให้เกิดปัญหา โปรแกรมค้าง ( Not Responding ) ขณะกำลังตัดต่อ และทำให้โปรแกรมดับไปเลย โดยที่ยังไม่ได้เซฟได้


เพราะฉะนั้น จะต้องแก้ไขก่อน โดยเข้าไปที่ Options > Perferences เลือกไปในส่วนของ Video แล้วปรับ Dynamic RAM Preview max (MB) เอา แนะนำให้ใส่ลงไปซัก 2000 ( 2GB ) แต่ส่วนตัวผู้เขียนใส่ลงไป 4000 ( 4GB ) เพราะว่ามี RAM ใช้งานอยู่ค่อนข้างเยอะ





สำหรับใครไม่รู้ว่าเครื่องคอมตัวเองมี RAM อยู่เท่าไร ก็สามารถดูได้ที่ตรงช่องใส่ Dynamic RAM ได้เลย โดยจะมีเขียน Max available เอาไว้ด้านหลังอยู่แล้ว นั่นคือจำนวน RAM ที่คอมพิวเตอร์มีอยู่นั่นเอง


หากมีน้อยก็ควรใส่เพียงแค่ 30% ของที่มีอยู่ก็น่าจะพออยู่นะครับ แต่ก็อย่าไว้ใจ เวลาทำต้องคอย Save งานบ่อยๆด้วย เพราะอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดก็เป็นได้


ที่มา : https://www.men9ch.com/media/sony-vegas-edit/#start

Free Sony Vegas templates


Free Sony Vegas templates 







วิธีการใช้งานเบื้องต้น



การใช้งานเบื้องต้น 






การจัดการเกี่ยวกับภาพ 








การ Import File เข้ามาใน Project เพื่อให้เป็นที่เก็บFileที่ต้องการนำมาใช้งานให้เป็นหมวดหมู่





1. ดูที่ช่อง Window docking area เข้า Project Media คลิกขวาที่ Media Bins เลือก Create New Bin





2. จะปรากฏ Folder จากนั้นทำการตั้งชื่อให้กับ Bin แล้วคลิก Enter ที่แป้นคีย์บอร์ด





3. คลิกที่ปุ่ม









4. คลิกเลือก Folder งานที่ต้องการตัดต่อที่จัดเก็บไว้ 5. เลือก File ที่ต้องการ

6. คลิก Open

7. File ที่ถูกเลือกจะเข้ามาอยู่ในหน้าต่างของ Media เราเรียกว่า Media File


การนำ Media File ขึ้นไปไว้บน Timeline เพื่อการตัดต่อแก้ไขเพิ่มเติมงานที่ทำโดยมีขั้นตอนดังนี้



1. คลิกลาก Media File ที่เราต้องการ แล้วลากขึ้นไปวางไว้บน Timeline

2. จะปรากฏภาพของ Media File ที่หน้าต่าง Monitor










การตัดEvent บน Timeline ด้วยเครื่องมือ Cut

1. คลิกลาก Selection ที่ Event ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องการออกไป

2. คลิกที่ปุ่มตัด (รูปกรรไกร) ที่ Tool bar




3. ช่วงเวลาที่เราไม่ต้องการจะถูกตัดออกไปและจะเหลือช่องว่างเอาไว้

4. แต่ถ้าเราคลิกที่ปุ่มแทรก ไว้เมื่อทำการตัด Event ออกไปแล้ว ช่วงเวลาที่ถูกตัดออกไปจะไม่เว้นช่องว่างเอาไว้แต่จะถูกแทนที่ด้วยEvent ที่อยู่ถัดไป






การใช้ Function Event Pan/Crop

1. ตั้ง Folder ใน Bin ว่า pics แล้วนำภาพนิ่งที่เลือกมาไว้ในBin (ดูการ Import Files เข้ามาใน Projects –หัวข้อที่ 1)

2. เลือกภาพใน Bin ที่ต้องการแล้วลากไว้ในTrimmer

3. คลิกปุ่มสีเหลี่ยมใน Event จะปรากฏหน้าต่าง Event Pan/Crop ให้นำเมาส์ไปทางมุมมุมหนึ่งของ Object เมาส์จะเปลี่ยนเป็นหัวลูกศรเฉียง

4. คลิกเมาส์ลากเข้าไปก็จะเป็นการ Crop ภาพ เช่น ใบหน้า

5. ขั้นตอนการ Pan ภาพ

6. คลิกคีย์เฟรมที่ Keyframe Controllers ในส่วนของ Position

7.นำเมาส์ไปวางไว้ในส่วนของ Object เมาส์จะเป็นรูป เครื่องหมายลูกศร 4 ทิศ

8. คลิกเมาส์ลาก Object ไปยังตำแหน่งเริ่มต้นที่จะทำการ Pan ภาพ

9. คลิกวินาทีที่ 5 ในส่วนของ Position

10. คลิกเมาส์ลาก Object ไปยังตำแหน่งที่ 2 ของภาพ Pan

11. คลิกวินาทีที่ 10 ในส่วนของ Position

12. คลิกเมาส์ลาก Object ไปยังตำแหน่งที่ 3 ของการ Pan

13. จะเกิดคีย์เฟรมใหม่ขึ้นมา

14. คลิก Play เพื่อดูผลงานที่เกิดขึ้น


การยกเลิกการทำงานระหว่าง Event ภาพและเสียง

1.ที่ Tool bar คลิกปุ่ม




2. Event ภาพและเสียงจะแตกจากกัน และสามารถทำงานอิสระแยกจากกันได้





การจัดการเกี่ยวกับเสียง




การบันทึกและใส่เสียง

1. คลิกปุ่มลำโพงบน Task bar

2. เลือก Tap Options แล้วคลิกที่ Properties

3. เลือก line in (หรือ Front Mic)

4. กดเลือก Select ที่ line in (หรือ Front Mic)

5. คลิกปุ่มที่ Timeline เพื่อเตรียมพร้อมบันทึกเสียง




6. จะปรากฏหน้าต่าง Record Files ขึ้นมาแล้วคลิก Rename ตั้งชื่อตามต้องการ แล้ว คลิกที่ Done


การเลือกช่วงเสียงที่ต้องการเพื่อนำมาตัดต่อหรือปรับแต่ง

1. คลิกขวาที่ไฟล์เสียงเลือกคำสั่ง Open in Trimmer

2. คลิก Play

3. กดปุ่ม I ที่แป้นคีย์บอร์ดเพื่อเป็นการกำหนด Mark in

4. กดปุ่ม O ที่แป้นคีย์บอร์ดเพื่อเป็นการ Mark out

5. คลิก Stop

6. คลิกลาก File ที่อยู่ในแถบเสียงที่ต้องการลากไปไว้ใน Timeline





การจัดการเกี่ยวกับข้อความ



การสร้างข้อความ

1. ทำการเพิ่ม Video Track สำหรับวาง Event ข้อความก่อนโดยการคลิกขวาบริเวณพื้นที่ทำงานแล้วเลือก คำสั่ง Insert Video Track

2. คลิก Tap Media Generators (อยู่ด่านล่างช่อง Window docking area)

3. เลือก Text

4. เลือก Default Text ลากขึ้นไปวางบน Timeline

5. คลิกที่ปุ่ม Generated Media ที่อยู่ใน Event




6. จะปรากฏหน้าต่าง Video Event FX




7. จากนั้นเลือก Text

8. พิมพ์ข้อความที่ต้องการ

9. คลิก Tap Placement เพื่อจัดตำแหน่งให้ข้อความ

10. คลิก Tap Properties

11. เปลี่ยนสีของข้อความด้วยการคลิกบริเวณสีที่ต้องการในช่อง Text Color

12. กำหนดช่องไฟระหว่างตัวอักษรที่ Tracking

13. คลิกเมาส์เลือก Tap Effects

14. คลิกให้มีเครื่องหมายถูกที่ช่อง Draw Outline เพื่อใส่ขอบให้ข้อความและ Draw Shadow เพื่อใส่เงาให้ข้อความ

15. ดูผลที่ Monitor


การทำให้ข้อความมีการเคลื่อนไหว

1. คลิก Tap Properties

2. สังเกตที่ Keyframe Controller โดยโปรแกรมมีมาให้แล้ว 1 จุด จากนั้นคลิดเลือกคีย์เฟรมแรก

3. นำเมาส์ย้ายข้อความไปยังจุดที่เราต้องการเริ่มต้น อาจเป็นมุมบนซ้ายมือโดยไม่ควรเลย Safe Zone

4. คลิกเลือกช่วงเวลาที่เราต้องการให้มีข้อความตรงตำแหน่ง Keyframe Controllers ให้คลิกที่วินาทีที่ 5

5.นำเมาส์ไปคลิกลากย้ายข้อความลงมายังตำแหน่งด้านล่างที่ช่อง Text Placement

6. ที่ Keyframe Controllers จะปรากฏคีย์เฟรมขึ้นมา 1 จุด

7. คลิกขวาที่คีย์เฟรมใหม่ เลือกคำสั่ง Slow การเคลื่อนไหวให้คีย์เฟรม

8. Play ดูผลงานที่ Monitor




การเพิ่มระยะเวลาในการแสดงผลของข้อความ

โดยปกติแล้วโปรแกรมจะแสดงผลให้กับ Event ที่มาจากหน้าต่าง Media Generated ที่ 10 วินาที แต่ถ้าเราต้องการยืดเวลาในการแสดงผลเพื่อให้เหมาะสมกับงานที่เราทำ สามารถยืดได้ดังนี้

1. คลิกที่ปุ่มที่อยู่ใน Event




2. จะเข้าหน้าต่าง Video Event FX length พิมพ์ระยะเวลาที่ต้องการ เช่น จาก 10.00 เป็น 20.00 แล้ว Enter คีย์บอร์ด




3. ที่ Timeline ให้นำเมาส์ไปวางที่ขอบด้านบนของ Event ข้อความเมาส์จะเป็นรูปลูกศรซ้ายขวา ให้คลิกลากขอบEvent ออกมาจนสุด โดยดูจากสามเหลี่ยมเล็กด้านบน ถ้าพบหมายถึงเรายืดเกินเวลาที่เรากำหนด หากยืดเกินเวลาที่กำหนดข้อความจะเล่นวน Loop ของ Event นั้นๆ




ที่มา : https://sites.google.com/a/hy.ac.th/kar-tad-tx-widixo-dwy-sony-vegas/withi-kar-chi-ngan-beuxng-tn

คู่มือการใช้โปรแกรม Sony Vegas สำหรับตัดต่อวิดีโอ

คู่มือการใช้โปรแกรม Sony Vegas สำหรับตัดต่อวิดีโอ


คลิกที่ ลิงค์

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2562

คีย์ลัดที่ใช้บ่อยๆใน Sony Vegas


คีย์ลัด

การเริ่มต้นตัดต่อเราควรรู้จัก คีย์ลัดที่ใช้บ่อยๆ ดังนี้

1. space bar    =     คือ ใช้สำหรับ Play / Stop หรือการเล่นการหยุด งานใน timeline
2.     S             =     คือ ใช้สำหรับตัด clip ให้เป็นท่อนๆ
3.    Ctrl + c    =     คือ การ copy file วีดีโอ
4.   Ctrl + v     =     คือ การวาง file วีดีโอในตำแหน่งที่เราต้องการ
5.    Ctrl + x     =    คือ การคัตวีดีโอเพื่อจะนำไปวางในส่วนอื่น
6.    Ctrl + z    =     คือ ย้อนกลับการทำครั้งล่าสุด 1 ครั้ง
7.    V              =    คือ การมาร์คจุดเพิ่ม / ลด เสียงตามที่เราต้องการ
8.    V  และตามด้วย Shift  =  คือ การเพิ่มลดเสียงอย่างง่าย โดยการกด Shift ค้าง จะให้เป็นสัญลักษ์รูป
                                               ดินสอ ขึ้นสามารถลากเพิ่มลดเสียงตามที่เราต้องการ
9.  U                  =   คือ การแยกภาพและเสียงออกจากกัน
10 ctrl + g         =   คือ การรวม file วีดีโอแต่ละชิ้นมารวมกันโดยการกด ctrl ค้างไว้เลือก file ที่ต้องการรวม
                               จากนั้นกด g ก็จะเป็นวีดีโอก้อนเดียวกัน
11.  Ctrl + s       =   คือ การเซฟงานครั้งล่าสุดที่เราทำไว้

ส่วนประกอบของโปรแกรม Sony Vegas


ส่วนประกอบของโปรแกรม Sony Vegas


ส่วนประกอบของโปรแกรม Sony Vegas นั้นมีไม่มากเท่าไหร่สำหรับการใช้งานขั้นพื้นฐานมีประมาณ 9 จุดด้วยกัน ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่เราควรรู้เพื่อใช้ในงานตัดต่อ

 





1
Audio Control เป็นส่วนควบคุมเสียงของ   วีดิทัศน์ โดยส่วนนี้จะหมายถึงเสียงของชิ้นงานโดยรวมทั้งหมด จากจุดนี้สามารถตั้งคุณสมบัติของ Audio ของงานได้


2
Timeline เป็นส่วนการทำงานหลักของโปรแกรม ซึ่งเราจะทำการตัดต่อวีดีโอกันที่ Timeline โดยในแนวนอน จะหมายถึงช่วงเวลา และแนวตั้งจะหมายถึงลำดับชั้นของ Track


3
Video Preview เป็นส่วนแสดง Video โดยจะรวมทั้งตัวหนังสือ effect หรือ Transition ใดๆ ให้ได้ชมก่อน โดยไม่จำเป็นต้อง Render ออกมา


4
Status Bar ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Timeline ประกอบด้วย 3 ช่อง ได้แก่ เวลาเริ่มต้น เวลาสิ้นสุด และเวลาทั้งหมด โดยอ้างอิง Curser ที่อยู่บน Timeline เป็นสำคัญ


5
Transport Toolbar เป็นส่วนควบคุมการเล่นวีดีโอบน Timeline หลักการทำงานก็จะคล้ายกับเครื่องเล่นซีดีทั่วไป โดยเมื่อคลิกจะแสดงผลที่ส่วน Preview



6
Trimmer เป็นอีกทางเลือกในการตัดต่อ
วีดิทัศน์โดยสามารถเลือกเพียงบางส่วนของ Video หรือสื่อใดๆ มาใส่ในงานของเราได้


7
Project Media เป็นส่วนแสดงไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการตัดต่อวีดิทัศน์ของเราทั้งหมด ทั้งไฟล์เสียง ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง ตัวหนังสือ จากจุดนี้สามารถคลิกปุ่ม import เพื่อนำเข้าไฟล์ต่างๆ เหล่านั้นได้ทันที



Explorer เป็นส่วนที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้สามารถเรียกดูไฟล์ต่างๆ บนเครื่องได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถคลิกและลาก Video Image หรือ Audio มาวางเรียงกันบน Timeline ได้อย่างรวดเร็ว





8
Time Display เป็นส่วนแสดงเวลา โดยจะยึดเอาตำแหน่งของ Curser ที่อยู่บน Timeline เป็นสำคัญ โดยแสดงเวลาในรูปแบบของ HH:MM:SS;FF นั่นคือ ชั่วโมง นาที วินาที ส่วน FF นั้นจะหมายถึง จำนวนเฟรมในแต่ละวินาที





9
Track เป็นส่วนแสดง Track ของ Video, Audio และ Bus Track ใช้ในการจัดการควบคุม Track ภาพและเสียง จัดเรียงลำดับของ Track ต่างๆ ควบคุมการความดังของเสียง เปิดปิดเสียง เป็นต้น





Sony Vegas คืออะไร


Sony Vegas คืออะไร







โปรแกรม Sony Vegas คือ โปรแกรม ต่อวิดีโอบนระบบปฏิบัติการWindows ที่ถูกพัฒนามาเพื่องานตัดต่อภาพยนตร์ และเสียง โดยในหนึ่งโปรแกรมนี้รองรับและสนับสนุนไฟล์รูปแบบไฟล์ จึงสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ได้อย่างมากมาย และโปรแกรมให้ผลงานที่มีระดับสูงได้ เช่น วีดีโอระดับ Full HD หรือ เสียงระดับ HQ VBR Studio Audio ได้
เนื่องจาก การใช้งานที่ง่ายแต่มีอะไรที่ซับซ้อนอยู่ลึกๆ มีลูกเล่นมากพอที่สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ซึ่งแตกต่างจาก โปรแกรมทั่วไป ที่ทำได้น้อยกว่าและไม่ยืดหยุ่นในการใช้งาน ด้วยการทำงานแบบชั้น(Layer) คล้ายๆกับโปรแกรม Photoshop และมี Effect และ Transition ที่มากพอเช่นเดียวกับโปรแกรมอื่นๆที่สำเร็จรูปมาให้ใช้ได้ทันที จึงทำความเข้าใจได้ง่าย นอกจากนี้ยัง สามารถในการตัดต่อภาพและเสียงไปพร้อมกันได้เลย ซึ่งเป็นความสามารถอันโดดเด่นสำหรับ Sony Vegas

ข้อดีและข้อเสีย
    ข้อดี     : ใช้งานง่าย ทำให้มือใหม่เรียนรู้ได้เร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตำราใด ในเบื้องต้นได้ เพียงแค่ลากวางมั่วๆก็เป็นแล้วในการตัดต่อง่ายๆ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพไม่สูงนักในการใช้งาน ที่สำคัญมี Download ฟรีที่เว็บไซต์เลย เพียงแค่หา crack หรือแค่เลขเด็ดก็ใช้งานได้สมบูรณ์แล้ว เป็นต้น
    ข้อเสีย  : บางอย่างยังด้อยกว่า โปรแกรมชื่อดังที่มีอายุมานานแล้วเช่น มีการสนับสนุนจากบรรดาผู้ผลิต โปรแกรมที่เรียกว่า plug ins ต่างๆน้อย รวมถึงการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆด้วย เช่น การ์ดตัดต่อวิดีโอที่ไม่แพร่หลายเท่า แต่ปัจจุบันเริ่มดีขึ้น ผู้ผลิตโปรแกรมต่างๆปรับแต่งให้สามารถใช้ร่วมกับ Vegas ได้มากขึ้น

แบบทดสอบ

แบบทดสอบ